ถึงแม้ทุกห้องภายในบ้านจะมีหน้าต่างเพื่อคอยระบายอากาศให้ถ่ายเทสะดวกแล้ว แต่สำหรับบางห้องอย่าง ห้องน้ำ ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องนอน หน้าต่างเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับระบายกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในห้อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยอย่าง “พัดลมดูดอากาศ” หรือ “พัดลมระบายอากาศ” เพื่อช่วยระบายกลิ่นให้หมดไป แต่การเลือกพัดลมดูดอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งาน จะมีเทคนิคอย่างไรในการเลือก HomeGuru มีสาระดีๆ เกี่ยวกับพัดลมดูดอากาศมาฝาก เพื่อให้ทุกบ้านเลือกซื้อ และใช้งานได้ตรงตามฟังก์ชั่นของแต่ละห้องกันครับ
รู้ประเภทของ “พัดลมดูดอากาศ” หรือ “พัดลมระบายอากาศ” ก่อนติดตั้ง
1. พัดลมดูดอากาศแบบติดผนัง
เป็นพัดลมดูดอากาศที่ได้รับความนิยม เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานทั้งในด้านฟังก์ชั่น ดีไซน์ และอายุการใช้งานที่มีความยาวนาน โดยวิธีการติดตั้งก็ไม่ยุ่งยากเพียงทำการเจาะช่องให้มีขนาดพอดีกับขนาดของพัดลม และใช้สกรูยึดตัวพัดลมเข้ากับผนัง หลังจากนั้นให้ใช้ปูนยาแนวเก็บรายละเอียดรอบๆ พัดลมดูดอากาศให้สวยงามเรียบร้อย แต่ข้อเสียของพัดลมดูดอากาศแบบติดผนังคือ มีความยุ่งยาก และเป็นเรื่องใหญ่หากต้องการถอดมาทำความสะอาดหรือซ่อมแซม
อ่านวิธีกำจัดกลิ่นในบ้านเพิ่มเติมได้ที่ 5 ฟังก์ชันมีติดครัว ถ้าไม่อยากให้กลิ่นอาหารติดทั่วบ้าน
อ่านวิธีขจัดกลิ่นในตู้เย็นเพิ่มเติมได้ที่ 7 ตัวช่วยจากธรรมชาติ “ขจัดกลิ่นในตู้เย็น” ให้จางหาย
2. พัดลมดูดอากาศแบบติดกระจก
นิยมติดตั้งเข้ากับกระจกทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นกระจกเหนือบานหน้าต่าง หรือ กระจกประตู โดยพัดลมดูดอากาศแบบติดกระจกมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ตามความเหมาะสม และวิธีการติดตั้ง คือ
- พัดลมดูดอากาศติดกระจกแบบโมเดิร์น ควรเลือกรุ่นที่ใช้ระบบเปิดปิดด้วยสวิตซ์ เพื่อป้องกันปัญหาเชือกขาด
- พัดลมดูดอากาศติดกระจกแบบดั้งเดิม จะมีราคาถูกกว่าแบบโมเดิร์น และมีทั้งโหมดระบายอากาศและโหมดดูดอากาศเข้าให้เลือกใช้งาน
แต่ละบ้านสามารถเลือกพัดลมดูดอากาศแบบติดกระจกให้มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุดได้ ตามความต้องการ และงบประมาณที่มีนะครับ
![]() |
![]() |
![]() |
---|
3. พัดลมดูดอากาศแบบติดเพดาน
เป็นพัดลมดูดอากาศที่ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากมีลักษณะเป็นช่องตะแกรงภายในมีระบบดูดลม และเหนือขึ้นไปเป็นช่องระบายอากาศ โดยพัดลมดูดอากาศแบบติดเพดาน มี 2 แบบให้เลือกใช้งานตามประเภทพื้นที่ คือ
- พัดลมดูดอากาศแบบไม่ต่อท่อระบาย เหมาะสำหรับใช้งานกับพื้นเพดานใต้หลังคา
- พัดลมดูดอากาศแบบต่อท่อระบาย สามารถใช้งานได้กับเพดานทุกรูปแบบ ทั้งเพดานชั้นบน หรือใต้หลังคา
![]() |
![]() |
![]() |
---|
แต่ละห้องเหมาะกับ “พัดลมดูดอากาศ หรือ พัดลมระบายอากาศ” แบบไหน
ห้องครัว
โดยทั่วไปแล้วภายในห้องครัวมักนิยมติดพัดลมดูดอากาศแบบติดผนัง ซึ่งมีให้เลือกหลายขนาดตามขนาดพื้นที่ของห้องครัว เช่น ห้องครัวขนาด 18 ตารางเมตรเหมาะสำหรับเครื่องดูดที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้ว ขึ้นไป และห้องครัวขนาด 12 ตารางเมตร ควรใช้พัดลมดูดอากาศที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้วขึ้นไป เพื่อให้ระบายอากาศ และถ่ายเท ลดความร้อน กลิ่นอับ ควัน ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ข้อควรระวัง ควรคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การเข้าครัวว่าคุ้มค่าต่อการติดตั้งพัดลมดูดอากาศหรือไม่ รวมถึงกำหนดจุดติดตั้ง และคำนึงถึงขนาดพื้นที่ของห้องครัวว่าควรติดตั้งในรูปแบบใดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งห้องที่มักมีกลิ่นไม่พึงประสงค์จากท่อระบายน้ำ และโถส้วม อีกทั้งมีความชื้น ส่งผลให้เกิดเชื้อรา ทำให้ผนังในห้องน้ำที่ทาสีเกิดการหลุดลอก หากรุนแรงมากอาจทำให้ประตู หรือวงกบที่เป็นไม้เกิดการบวม
อ่านวิธีกำจัดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำเพิ่มเติมได้ที่ 6 ตัวช่วยดับกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ หอมได้ทันทีแถมยังมีราคาถูก
อ่านบทความเกี่ยวกับตะแกรงดักกลิ่นเพิ่มเติมได้ที่ ตะแกรงดักกลิ่น พระเอกตัวจริงของห้องน้ำ
ดังนั้นจำเป็นต้องระบายอากาศ และดูดอากาศเสียออกด้วย “พัดลมระบายอากาศ” หรือ “พัดลมดูดอากาศ” โดยส่วนมากนิยมติดตั้งบริเวณฝ้าเพดาน หรือผนังด้านในสุด โดยภายในห้องน้ำควรมีช่องว่างใต้ประตู หรือมีช่องเกล็ดที่ช่วงล่างของบานประตูเพื่อช่วยให้อากาศภายนอกสามารถไหลเวียนเข้ามา นอกจากจะช่วยถ่ายเทอากาศแล้ว ยังช่วยลดสารปนเปื้อนในอากาศที่เกิดจากการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีความเป็นกรดสูง ซึ่งส่งผลอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้
ข้อควรระวัง ขณะเปิดพัดลมดูดอากาศ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรเปิดหน้าต่างบานกระทุ้ง เพราะจะทำให้การทำงานของพัดลมดูดอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกลิ่นรบกวนขณะใช้งานในห้องน้ำนะครับ
![]() |
![]() |
![]() |
---|
ห้องนอน
การติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หรือ พัดลมระบายอากาศ ภายในห้องนอน แนะนำให้เลือกติดตั้งให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถบังคับกระแสการหมุนเวียนของอากาศดี และเสียได้ตามที่เราต้องการ เช่น ติดตั้งไว้บริเวณตรงข้ามกับบริเวณที่อากาศดีเข้า กับบริเวณที่อากาศเสียระบายออก เพื่อให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุขอนามัยของคนในครอบครัว
ข้อควรระวัง เมื่อติดตั้งพัดลมดูดอากาศภายในห้องนอน ควรหาฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองฝุ่นมาติดบริเวณช่องลม เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องฝุ่นละออง และความร้อนเข้ามารบกวนภายในห้องด้วยนะครับ
Tip ง่ายๆ เพื่อยืดอายุการใช้งาน “พัดลมดูดอากาศ หรือ พัดลมระบายอากาศ”
- เปิดใช้งานพัดลมดูดอากาศเมื่อจำเป็น ไม่ควรเปิดพัดลมดูดอากาศทิ้งไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน และควรเลือกขนาดของพัดลมดูดอากาศ พร้อมตั้งระดับการหมุนของพัดลมดูดอากาศให้เหมาะสมไม่ช้า หรือเร็วจนเกินไป เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองไฟในบ้าน
- ทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ เมื่อใช้งานพัดลมดูดอากาศได้สักระยะหนึ่ง มักเกิดฝุ่นละอองเกาะบนอุปกรณ์ทั้งลูกหมุน ใบพัด ตะแกรง และท่อต่างๆ ฝุ่นละอองเหล่านี้จะทำให้พัดลมดูดฝุ่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และหากปล่อยไว้นานจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงอีกด้วยครับ
- หมั่นตรวจสอบ ซ่อมแซม และสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของอุปกรณ์อยู่เสมอ อุปกรณ์ทุกชิ้นมีระยะเวลาในการใช้งาน ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบ หากเกิดการชำรุดควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ โดยส่วนมากแนะนำให้ตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจในการใช้งานครับ
สอบถามบริการติดตั้งและเปลี่ยนพัดลมดูดอากาศ เพิ่มเติม
Inbox เพจ Home Service by HomePro : m.me/Homeservicebyhomepro
Line : https://lin.ee/uN8D4Zl หรือ Call Center 1284
หากใช้บริการติดตั้งของโฮมโปร จะราคาสูงกว่าช่างทั่วไปมากมั้ยคะ
ขอทราบราคาค่าติดตั้งพัดลมดูดอากาศติดกระจก
และติดผนังครัว(ไม้เชอร่า)
อยู่ใกล้โฮมโปร สาขานาป่าจ.ชลบุรี ค่ะ
โทร 08-7539-2650
ราคาติดตั้งเป็นราคามาตรฐานทั่วไปครับ ติดตั้งโดยช่างที่ชำนาญในงานและได้ผ่านการอบรมและทดสอบระบบไฟฟ้าอาคารจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานทุกทีมครับ พร้อมรับประกันผลงาน 180 วัน โดยแยกราคาเป็น 2 แบบ ดังข้อมูลด้านล่างนี้ครับ
1. กรณีเปลี่ยนพัดลมดูดอากาศที่ผนังเพื่อทดแทนของเดิม คิดค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 800 .-
2. กรณีติดตั้งพัดลมดูดอากาศใหม่ที่ผนังเริ่มต้น 1500.- ทั้งนี้ทางเรายังไม่มีบริการติดพัดลมดูดอากาศใหม่ที่บริเวณกระจกและผนังเชอร่าครับ
ขอบคุณครับ
มีช่างมาติดตั้งให้มั้ยค่ะอยากได้มากๆค่ะ เพราะเลี้ยงแมวเยอะ มีกลิ่นอับในห้องมาก ถ้ามีจะไปซื้อเลยค่ะที่Hompro สาขารังสิต 2เครื่อง พานาโซนิค10นิ้ว
ทางโฮมโปรมีบริการติดตั้งครับ แต่ทั้งนี้จะมีค่าบริการในการติดตั้งเพิ่มเติม
หากติดตั้งแบบฝังฝ้า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทรวมเดินระบบไฟ แต่หากติดตั้งแบบเจาะผนัง ราคาติดตั้งเพิ่มเติมประมาณ 1,500 บาทรวมเดินระบบไฟเช่นกันครับ